เอกสารที่ควรมีก่อนทำงานรับเหมาตกแต่งภายใน
เอกสารเหล่านี้มีความสำคัญต่อทั้งผู้ว่าจ้าง (ลูกค้า) และผู้รับเหมา (บริษัท/ช่าง) เพื่อยืนยันขอบเขตงาน ราคา และเงื่อนไขต่างๆ อย่างชัดเจน
1. แบบตกแต่งภายใน (Design Drawings) และรายการวัสดุ (Material Specification/BOQ)
เอกสารชุดนี้เป็นเหมือน “พิมพ์เขียว” ของงานทั้งหมด เป็นการแปลงแนวคิดให้กลายเป็นรายละเอียดทางเทคนิคที่สามารถนำไปก่อสร้างได้จริง
แบบสถาปัตยกรรมภายใน (Interior Architectural Drawings):
1.1 แบบแปลน (Plan): แสดง ผังเฟอร์นิเจอร์บิลท์อินพร้อมรหัส, ผังพื้น, ผังฝ้าเพดาน, ผังไฟฟ้าและงานระบบต่างๆ
1.2 รูปด้าน (Elevation): แสดงรายละเอียดของผนัง เฟอร์นิเจอร์บิลท์อิน และองค์ประกอบต่างๆ หรือ Isometric
1.3 รูปตัด (Section): แสดงโครงสร้างและรายละเอียดความสูง/ความลึกขององค์ประกอบต่างๆ
1.4 ภาพ 3 มิติ (Perspective): ใช้สำหรับนำเสนอแนวคิดและบรรยากาศโดยรวมให้ลูกค้าเห็นภาพที่ชัดเจน
2 BOQ ย่อมาจาก Bill of Quantities (บิล ออฟ ควอนติตี้ส์) คือ เอกสารสำคัญที่ใช้ในงานก่อสร้างและงานตกแต่งภายใน เป็นเอกสารที่มีรายละเอียดการประมาณราคาที่มาจากการถอดปริมาณงานและวัสดุทั้งหมดที่ระบุไว้ในแบบก่อสร้างและรายการประกอบแบบ (Specification)
BOQ จะถูกจัดทำในรูปแบบตารางที่แบ่งแยกรายการอย่างเป็นระบบ โดยทั่วไปจะประกอบด้วย:
2.1 หมวดหมู่งาน: แบ่งเป็นหมวดหมู่หลัก เช่น งานโครงสร้าง, งานสถาปัตยกรรม, งานตกแต่งภายใน, งานระบบไฟฟ้าและประปา
2.2 รายการ (Item): รายละเอียดของงานแต่ละชนิดที่ต้องทำ เช่น การก่อผนังอิฐมอญ, การปูกระเบื้องพื้น, การติดตั้งดวงโคมไฟ
2.3 หน่วยนับ (Unit): หน่วยที่ใช้ในการวัดปริมาณงาน เช่น ตารางเมตร (ตร.ม.), ลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.), ชุด, จุด, เหมา
2.4 ปริมาณรวม (Quantity): ปริมาณงานที่ต้องทำทั้งหมดตามแบบที่ได้ถอดมา
2.5 ราคาต่อหน่วย (Unit Price):
2.6 ราคาวัสดุต่อหน่วย (Material Unit Price): ต้นทุนของวัสดุนั้นๆ ต่อหน่วย
2.7 ราคาค่าแรงต่อหน่วย (Labor Unit Price): ค่าจ้างแรงงานในการทำงานนั้นๆ ต่อหน่วย
2.8 ราคารวมต่อหน่วย (Total Unit Price): ค่าวัสดุ + ค่าแรง + (บางครั้งรวมถึงค่าดำเนินการและกำไรต่อหน่วย)
2.9 ราคารวม (Total Price): ราคารวมของรายการนั้นๆ (ปริมาณรวม x ราคารวมต่อหน่วย)
3. สัญญาว่าจ้าง (Contract Agreement)
เป็นเอกสารที่มีผลทางกฎหมาย ผูกมัดทั้งสองฝ่ายให้ปฏิบัติตามข้อตกลงที่ระบุไว้ในแบบและใบเสนอราคา
ชื่อคู่สัญญา: ระบุชื่อ ที่อยู่ และรายละเอียดการติดต่อของทั้งผู้ว่าจ้างและผู้รับเหมาให้ครบถ้วน
มูลค่าสัญญา: ยอดเงินรวมของโครงการ
เงื่อนไขการชำระเงิน: ระบุงวดการชำระเงินให้สอดคล้องกับความก้าวหน้าของงาน (Milestones) และจำนวนเงินในแต่ละงวดอย่างชัดเจน
ระยะเวลาดำเนินการ: ระบุ วันเริ่มต้น และ วันสิ้นสุด ของโครงการ รวมถึงเงื่อนไขการปรับเมื่อทำงานล่าช้ากว่ากำหนด (ค่าปรับ)
การแก้ไขเปลี่ยนแปลงแบบ (Variation Order): กำหนดขั้นตอนการขอ/อนุมัติการเปลี่ยนแปลงงาน รวมถึงการคิดราคาเพิ่มเติมหรือลดลงจากงานที่เปลี่ยนแปลง
การรับประกันผลงาน (Warranty): ระบุระยะเวลาและขอบเขตการรับประกันงานตกแต่งหลังส่งมอบงาน
4. เอกสารรับรองคุณสมบัติและเอกสารทางกฎหมายของผู้รับเหมา
4.1 เป็นเอกสารที่ใช้เพื่อยืนยันความน่าเชื่อถือและความสามารถของผู้รับเหมา
4.2 เอกสารการจดทะเบียนนิติบุคคล (ถ้ามี): สำเนาหนังสือรับรองบริษัท, ภ.พ.20 (ใบทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม) เพื่อยืนยันตัวตนและความมั่นคง
4.3 ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ (ถ้ามี): สำหรับงานที่เกี่ยวข้องกับโครงสร้างหรืองานระบบ อาจต้องใช้ใบอนุญาตจากสถาปนิกหรือวิศวกรผู้ควบคุมงาน
4.4 ผลงานที่ผ่านมา (Portfolio): แม้ไม่ใช่เอกสารทางกฎหมายโดยตรง แต่ก็เป็นสิ่งสำคัญที่ยืนยันประสบการณ์และความสามารถของผู้รับเหมา
เอกสารทั้ง 4 ชุดนี้ จะถูกนำมาประกอบเข้าด้วยกันในชุดสัญญาเพื่อสร้างความมั่นใจและความโปร่งใสในการดำเนินงานตกแต่งภายในทั้งหมดครับ